แน่ๆว่าคอลูกหนังทุกคนน่าจะเสียดายที่กองทัพช้างศึกไม่อาจจะหักด่านหินเพื่อกรุยทางสู่รอบถัดไปได้เสร็จ แต่ทว่าสิ่งที่นักฟุตบอลทุกคนแสดงออกมาในสนาม ถือว่า ‘ชนะใจ’ ผู้ชมจริงๆ
ตามหน้าเสื่อ ไม่ว่ามุมไหน ไทย ก็เป็นรองนักรบที่เปอร์เซียอยู่หลายช่วงตัว ไม่ว่าจะคือเรื่องของประสบการณ์ในเกมระดับนานาชาติ, รูปร่าง, มาตรฐานการเล่นและอื่นๆแทบจะทุกมุม
โดยเหตุนี้การเผชิญหน้ากับยอดกลุ่มที่เอเชียตะวันออกก็เลยจำต้องใช้ ‘หัวใจ’ เข้าสู้เท่านั้น ถึงพอจะมีทางเป็นไปได้ หากแม้มันจะยากมากๆแต่บอลลูกกลมๆไม่มีอะไรแน่นอนทั้งนั้น เริ่มเกมก็ตามทรงที่อิหร่าน จะเปิดหน้าบุกใส่ ด้วยชื่อชั้นที่เหนือกว่า บวกกับผู้จัดการทีมของพวกเขาอย่าง เรซ่า เอนายาติ ซึ่งเป็นอดีตกองหน้าก็เป็นผู้ฝึกสอนที่ชื่นชอบเกมรุก มันจึงทำให้กองทัพช้างศึกจะต้องตั้งรับเต็มแบบอย่าง ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนอย่างที่คิดคือการที่ไทย ทำได้ดีมากๆทุกคนช่วยเหลือกันวิ่งบีบพื้นที่ ซึ่งทำเอาคู่แข่งเองก็น่าจะงุนงงไม่น้อยว่าเราไปเอาพละกำลังมาจากไหน ถึงแม้ว่าลงสนามถี่ขนาดนั้น
ทั้งหมดทุกอย่างกำลังเดินทางไปได้ดิบได้ดี แท็กติกที่ตระเตรียมมาไม่แตกแถม แต่แล้วเรื่องเดิมๆก็เกิดขึ้นจนได้ กับความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆซึ่งทำให้โดนนำ 1-0 มันคือ ‘บทเรียน’ อันล้ำค่าของ นพพล ละครพล ผู้รักษาประตูจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เตะไปติดบล็อกนักฟุตบอลอิหร่าน กระทั่งส่งผลให้ไทย ต้องตามข้างหลังตั้งแต่นาทีที่ 15 แล้วก็นั่นเอง รูปแบบการเล่นจึงเปลี่ยนแปลงไปพอควร
จากสิ่งที่เกิดขึ้น มั่นใจว่านายทวารหนุ่มน่าจะจำไปอีกนาน แต่ว่าก็ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อปรับปรุงตัวเองต่อในอนาคต เพราะเขาเป็นหนึ่งในจอมหนึบอนาคตไกล และก็หวังว่าเจ้าตัวจะไม่เก็บเอามาเป็นตราบาป เพราะคนเรามันพลาดกันได้ ไม่มีใครไม่เคยทำผิด พอโดนนำ ใครและใครต่างก็รู้สึกว่าสกอร์น่าจะไหลแล้ว แต่ดีที่ว่าแข้งไทย ไม่สติหลุด ถ้าเกิดแต่ว่ายังอยู่ในเกม และมีจังหวะสวนกลับที่สร้างความลำบากใจให้อิหร่าน อยู่เนืองๆซึ่งก็น่าเสียดายที่จำเป็นต้องมาเสียประตูที่ 2 จากความผิดพลาดอีกที ก่อนที่จะจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ไปในที่สุด มันเป็นเกมที่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มความสามารถจริงๆแม้กระนั้นด้วยมาตรฐานรวมทั้งต้นสายปลายเหตุหลายๆอย่าง มันทำเรามาได้ไกลเพียงแต่รอบ 16 กลุ่มท้ายที่สุด ผู้เล่นหลายๆคนมีแววที่ผ่องใสรออยู่ด้านหน้า รวมทั้งจะต้องอย่าลืมว่าขุนศึกกองทัพช้างศึกที่มาฝ่า เอเชียนเกมส์ 2022 นั้นไม่ใช่ชุดที่เยี่ยมที่สุด เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วไทย ยังมีนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปี ที่กล้าอยู่อีกหลายราย แต่ผู้คนเหล่านั้นติดภารกิจกับสังกัดเดิม จนกระทั่งอดช่วยเพื่อนฝูงๆบู๊ที่เมืองจีน ยังมีทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง เอเชียน คัพ 2024 รออยู่ในปีถัดไป ซึ่งน่าเชื่อถือเลยว่าในเวลานั้นพวกเราน่าจะส่งกลุ่มที่เต็มดูดทุกตำแหน่งไปชิงชัย ด้วยเหตุว่ามันเป็นรายการที่จะชี้วัดมาตรฐานของวงการลูกหนังดินแดนไทยว่าอยู่ในจุดใดของทวีปเอเชีย
ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, อิรฟาน ดอเลาะ, อนันต์ ยอดสังวาลย์, ลีออน เจมส์, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, โจนาธาร เข็มดี, ชนภัช บัวพันธ์, เบนจามิน เดวิส หรือบางทีก็อาจจะรวมทั้ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา อีกคน นี่เป็นเหล่านักฟุตบอลที่กล้าที่จะเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า หากได้ผู้เล่นกลุ่มนี้เข้ามา และบวกกับบรรดาแข้งชุด เอเชียนเกมส์ ที่ฟอร์มดีหลายๆคน รับประกันเลยว่ากองทัพช้างศึกจะเข้มแข็งและสามารถต่อกรกับกลุ่มอื่นได้แน่
แต่ว่าอย่างไรก็ดี อาจต้องรบกวนคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวงการลูกหนังไทย จัดการเรื่องโปรแกรมของลีกให้สอดคล้องกับการแข่งขันของเวทีนานาประเทศด้วยเช่นกัน เพื่อที่เราจะได้ไปฟาดหน้าแข้งกับประเทศใหญ่ๆแล้วนำประสบการณ์ที่ได้ กลับมาพัฒนากันต่อ ส่วนทัพช้างศึกชุด กีฬาซีเกมส์ ที่บางทีก็อาจจะจำต้องพบความผิดหวัง แต่มันไม่ใช่สิ่งสุดท้ายในชีวิต หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล แม้กระนั้นก็อยากให้มุ่งมั่นรวมทั้งพยายามฝึกซ้อมตนเองเพื่อก้าวไปเป็นนักฟุตบอลที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต